[ 3 เมษายน 2565 (ขึ้น 3 ค่ำเดือน 3 三月初三) วันเทวสมภพ อั้งฮั้ยยี้ หรือหงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) หรือ”เชิ่งอิงต้าหวัง” (聖嬰大王) : “สุธนกุมาร” สาวกข้างกายพระโพธิสัตว์กวนอิม (觀音) ความเชื่อจากตำนานเทพนิยายไซอิ๋ว (西遊記) ]
… เทวรูปกิมซิ้น “สุธนกุมารหรือซานไฉ่” อัครสาวกข้างกายเจ้าแม่กวนอิม ยุคหลังจะมีลักษณะพิเศษ 2อย่างคือ
1) พนมมือตลอดเวลา
2) มีกำไลทอง ที่มือและขาทั้ง 2
…ได้รับอิทธิพลมาจากหงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) จากนิยายไซอิ๋วนั่นเอง ลองอ่านดูครับ
… หงไหเอ๋อร์ หรือ อั้งฮั้ยยี้ (紅孩兒) แปลว่า “เด็กแแดง หรือกุมารทองแดง” จากนิยายไซอิ๋ว (西遊記) เป็นตัวละครที่คล้ายเทพเจ้านาจา (哪吒) วัยเยาว์ ในเทพนิยาย ฮ่องสิน (封神) มากๆจนหลายคนเข้าใจผิด
…. หงไหเอ๋อร์ หรือ อั้งฮั้ยยี้ เป็นตัวละครจากนวนิยายคลาสสิกของจีนเรื่อง ไซอิ๋ว (西遊記) เป็นบุตรขององค์หญิงพัดเหล็กองค์หญิงพัดเหล็ก(铁扇公主) กับราชาปีศาจกระทิง(牛魔王) เนื่องจากบำเพ็ญพรตมากว่า 300 ปี จึงมีพละกำลังวิเศษ บิดาจึงให้ไปคอยรักษาภูเขาเพลิงไว้
….เด็กแดงยังมีอิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจมากก็คือ
“จิตเพลิง” ซานเม้ยเจิ่นหัว (三昧眞火)
… ซึ่งทำให้เขาสามารถปล่อยกระแสไฟจากดวงตา รูจมูก และปาก ซึ่งเป็นไฟร้อนแรงที่สุดที่มิอาจดับด้วยน้ำใดๆได้ ยิ่งใช้น้ำดับก็ยิ่งโหมเพลิงไฟกระหน่ำรุนอรงขึ้นไปอีก
…กุมารทองแดงมีชื่ออื่น ๆ อีก เช่น
“เชิ่งอิงต้าหวัง” หรือ “เซี้ยเองไต้อ๋อง” (聖嬰大王)
แปลว่า “มหาราชปราชญ์ผู้เยาว์”
…เนื่องจากความดังของนิยายไซอิ๋ว จึงนำหงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) ถูกรวมกับตำนานกับ “สุทธนะ” (Sudhana) หรือ “ช่านไฉ” (善財) อัครสาวกของเจ้าแม่กวนอิมกลายเป็นคนเดียวกัน
….โดยในนิยายไซอิ๋ว มีตำนานต่อมาว่า เมื่อหงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) ได้รับการลงโทษและขอรับการไถ่โทษไถ่บาปกับเจ้าแม่กวนอิม (觀音) แล้ว
…ได้รับนามใหม่ทางธรรมเป็น “สุธนกุมาร” หรือ กิมท้ง หรือจินถง (金童) อีกคน เป็นอัครสาวกข้างกายของพระโพธิสัตว์กวนอิม และอนาคตข้างหน้าหงไหเอ๋อร์ จะได้บรรลุธรรมเป็น
“พระสุธนมหาโพธิสัตว์”
[ หงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) ในเทพนิยายไซอิ๋ว (西遊記) ]
….หงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) เป็นตัวแทนของนิยายที่เป็นเด็กมีปัญหา ที่เกิดจาก
องค์หญิงพัดเหล็ก(铁扇公主) กับราชาปีศาจกระทิง (牛魔王)
…ที่ทะเลาะกันทุกวัน โดยเฉพาะเกิดจากความเจ้าชู้ของปีศาจกระทิง จึงมีความเก็บกดสูง และกลายเป็นเด็กก้าวร้าว โหดเหี้ยมอำมหิต แต่หงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) ก็รักแม่องค์หญิงพัดเหล็กมาก
….พระถังซัมจั๋ง (玄奘) และคณะผ่านมา หงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) รู้จึงวางแผนดักจับพระถัง เพื่อเอาเนื้อมาให้แม่ทาน หวังให้แม่เป็นอมตะ แต่พอรู้ว่า ซุนหงอคง(孫悟空) เป็นหัวหน้าองค์รักษ์แล้วยังเป็นพี่น้องสาบานกับบิดาของตน จึงยั้งแผนการไว้ก่อน
….หลังจากที่กลับมาถามเรื่องพระถังซังจั๋ง กับแม่องค์หญิงพัดเหล็ก จึงรู้ว่าเมื่อเห้งเจียเคยมาขโมยไบพัดเหล็กของแม่ไป ดับภูเขาเพลิง ทำให้แม่ยังเจ็บใจ บวกกับเวลาบิดาตนเวลาคุยกับเห้งเจียดูหงอ หมดราศีความเป็นราชากระทิง จึงตัดสินใจจะจับ พระถังซัมจั๋ง มาให้แม่กินอีกครั้งและฆ่าเห้งเจียที่เคยทำร้ายน้ำใจแม่ของตน
….. เมื่อ หงไหเอ๋อร์ แกล้งตีสนิทกับเห้งเจีย (行者) จนไว้ใจด้วยความที่เป็นหลานบุญธรรมของตน วันหนึ่งก็ลักพาพระถังซังจั๋มไป ซุนหงอคง(孫悟空) โกรธที่ถูกหลอกจึงบินรบกับเด็กแดงเพื่อนำพระถังซัมจั๋ง (玄奘) อาจารย์ของเขากลับมา
….เด็กแดงพยายามสังหารเห้งเจียโดยวิธีควบคุมธาตุทั้งห้าด้วยกระแสเพลิงอันมหาศาล มีอานุภาพถึงขนาดจะผลาญสวรรค์ก็ได้ แต่เห้งเจียอาศัยมนตร์กันไฟ แต่ไฟก็ยังติดตามตัว แต่กระนั้นซุนหงอคงคิดว่าไฟเหล่านี้สักพักก็ดับ ก็ไม่สนใจแล้วไล่ล่าเด็กแดงไปถึงถ้ำที่อาศัย
….เห้งเจียได้ขอฝนจาก ตงไห่หลงหวาง (東海廣德王) พญามังกรแห่งทะเลตะวันออกเพื่อดับ “จิตเพลิง” ของเด็กแดงที่ลุกตามตัว แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะฝนของตงไห่หลงหวาง สามารถดับได้แต่เพลิงทั่วไปเท่านั้น
…. “จิตเพลิง” ที่เด็กแดงปล่อยมา เมื่อได้ฝนของตงไห่หลงหวาง ก็เหมือนกองไฟได้แทงค์น้ำมัน ก็ยิ่งทวีเผาผลายลุกไหม้ขึ้นอีก แม้จะทำให้เห้งเจียตายไม่ได้ แต่ก็สูญเสียการมองเห็น ตาบอดเป็นเวลานาน ท่ามกลางเปลวเพลิงนั้น
… เห้งเจียจึงร้องขอความช่วยเหลือจากพระกวนอิม( 觀音) ก็ทรงดับได้ด้วยน้ำอมฤทธิ์จากแจกันศักดิสิทธิ์และทรงรับปากจะช่วยหงอคง
…. พระกวนอิม (觀音) เนรมิตบัลลังก์บัว คล้ายที่พระองค์ทรงนั่งไว้ในป่าใกล้ถ้ำหงไห่เอ๋อร์ เด็กแดงเห็นบังลังค์บัวสวยงามก็นึกชอบ จู่ๆเข้าไปนั่งแล้วทำท่าทางอย่างเจ้าแม่กวนอิมเพื่อล้อเลียน
….ทันใด บัลลังก์บัวเ ปลี่ยนรูปเป็นดาบเข้าทิ่มแทงเด็กแดง เด็กแดงพยายามดึงดาบเหล่านั้นออก ดาบก็แปรรูปเป็นง้าวโถมเข้าฟันเด็กแดง ได้รับความเจ็บปวดเป็นอันมาก เด็กแดงจึงร้องขอให้พระโพธิสัตว์ปล่อยตน โดยจะยอมเป็นสาวกเป็นการแลกเปลี่ยน
….พระโพธิสัตว์กวนอิม จึงถอนง้าวออกจากเด็กแดงและรักษาให้ แต่เด็กแดงกลับพยายามโจมตีพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์จึงโยน
…”มงคลทองขึ้น” เป็นมงคลลักษณะเดียวกับที่เห้งเจียสวม มงคลนั้นแยกตัวออกเป็นห้าห่วงแล้วเข้ารึงรัด
….คอของเด็กแดง แขนทั้งสอง และขาทั้งสอง
….และบีบรัดเข้าเรื่อย ๆ หลังจากที่พระโพธิสัตว์กวนอิม ทรงสังวัธยายมนตร์ชื่อ
….”โอมมณิปัทเมหูม” (मणिपद्मेहूँ)
… เมื่อสวดแล้วก็สร้างทุกขทรมานให้เด็กแดงเป็นอันมาก เด็กแดงจึงยอมแพ้
….หลังจากนั้น เด็กแดงพบว่า ตนไม่อาจถอนมงคลทั้ง 5 เหล่านี้จากร่างกายไปได้
….เห้งเจียเห็นแล้วก็ร้องเยาะเย้ยใส่ เด็กแดงได้ฟังแล้วก็โกรธ จะเข้าทำร้าย พระโพธิสัตว์กวนอิม จึงสังวัธยายมนตร์นั้นอีก
เป็นผลให้มือทั้งสองข้างของเด็กประกบเข้าด้วยกันใน
“ท่าประนมมือ… อยู่บนอก”
…. และไม่อาจแยกออกจากกันได้เลย
….บัดนี้เด็กแดงจึงไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกาย กิริยาใดๆได้อีก นอกจากผงกศีรษะลงเป็นการวันทา ได้อย่างเดียว
**** นับจากนั้น หงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) เมื่ออยู่กับเจ้าแม่กวนอิม จะมีแต่ท่าพนมมือเพียงอย่างเดียว และเราจะเห็นกำไลทองที่ข้อมือ และข้อขาของหงไหเอ๋อร์ ยามอยู่ข้างกายท่านตลอด จนเป็นรูปแบบกิมซิ้น ซานไฉ่ ที่นิยม จนบัดนี้ ****
….เมื่อปราบพยศ “หงไหเอ๋อร์” เจ้าแม่กวนอิม ทรงหันไปตำหนิเห้งเจีย ว่า
…”ซุนหงอคง ท่านไม่ควรไปเยาะเย้ยผูู้ถูกลงโทษและต้องสำนึกผิด ยังจำครั้งที่ท่านถูกจองจำที่เขาห้านิ้ว 500 ปีได้หรือไม่ ถ้ามีคนมาทำท่าเยาะเยะใส่ท่านตอนถูกทับตอนนั้นหละ ท่านจะรู้สึกเช่นไร “
…ซุนหงอคง(孫悟空) เมื่อได้ยินเจ้าแม่กวนอิมตรัส ก็สำนึกได้ และกลับไปมองหงไหเออร์ ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
…. นึกถึงเมื่อครั้งตัวเองถูกทับด้วยภูเขาห้านิ้ว ก็รู้สึกสงสารหงไหเอ๋อขึ้นมาแทน และยกโทษต่อสิ่งที่หงไหเอ๋อร์เคยทำกับตนไว้ทั้งหมด
…หงไหเอ๋อร์เมื่อสำนึกผิดได้จึง ขอเจ้าแม่กวนอิมไปบอกลา ราชากระทิงและเจ้าหญฺิงพัดเหล็ก เพื่อไปปรนิบัติรับใช้ และศึกษาธรรมกับเจ้าแม่กวนอิม
….เมื่อราชากระทิง และองค์หญฺิงพัดเหล็กเห็นว่าลูกถูกจับก็จะบินเข้าไปแย่งตัวหงไหเอ๋อร์กลับมา แต่ก็ถูกพลังของเจ้าแม่กวนอิมสะกดให้ไม่สามารถเข้ามาได้ เมื่อนั้นราชากระทิงและองค์หญิงพัดเหล็กต่างฝ่ายต่างทะเลาะกันว่า เป็นเพราะอีกฝ่ายดูแลไม่ดี
…หงไหเอ๋อร์ เมื่อเห็นก็รู้สึกสังเวช จึงบอกบิดามารดา ว่าที่ตัวเขาเป็นแบบนี้เพราะพ่อแม่ทะเลาะกันทุกวันจนเขากลายเป็นเด็กมีปัญหา
….แล้วเขาตัดสินใจแล้วว่า เขาจะไปศึกษาพระธรรมกับเจ้าแม่ ไม่กลับไปเป็นเด็กแดงอีก เมื่อราชากระทิงและองค์หญฺิงพัดเหล็กได้ยินลูกตัวเองบอกแบบนั้นก็สำนึกผิด คุกเข่าขอขมาเจ้าแม่กวนอิม และบอกว่าพวกตนจะเลิกทะเลาะกันจากนี้เป็นต้นไป
….หงไหเอ๋อร์ ได้กล่าวอำลาบิดามารดาแล้ว หงไห่เอ๋อร์ ก็คำนับเป็นศิษย์ของโพธิสัตว์กวนอิม
… พระโพธิสัตว์ท่านจึงให้ให้ฉายาเด็กแดงเมื่อออกบวชแล้วว่า
“สุทธนะ” (Sudhana) ภาษาจีนสำเนียงมาตรฐานว่า “ช่านไฉถงจื่อ” (善財童子)
….หงไหเอ๋อร์ จึงได้เป็น “ซานไฉ่” ฉบับที่สร้างจากนิยายไซอิ๋ว (西遊記) นี่เองและเชื่อว่าปัจจุบันนี้ หงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) ได้บรรลุเป็น "พระสุธนมหาโพธิสัตว์" ข้างกายพระโพธิสัตว์กวนอิมแล้ว
…วันเทวสมภพ หงไหเอ๋อร์ (紅孩兒) หรือ”เชิ่งอิงต้าหวัง” (聖嬰大王)
ขึ้น 3 ค่ำเดือน 3 จันทรคติจีน
三月初三
ขอขอบคุณที่มา
-zh-yue.wikipedia.org/wiki/紅孩兒
- baike.baidu.hk/item/紅孩兒/22184
เรียบเรียงโดย หมื่นเทพเทวะ